ประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลมาเยือนตลอดทั้งปี ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวครบทั้งภูเขา ทะเล และเมืองใหญ่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าคุณสามารถเที่ยวไทยได้อย่างประหยัด พร้อมสนุกเต็มที่โดยไม่ต้องเปลืองงบ
ต่อไปนี้คือเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณเที่ยวประเทศไทยแบบสบายกระเป๋า แต่ประสบการณ์ยังจัดเต็ม
1. วางแผนล่วงหน้า
การวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วรถ บขส. หรือเครื่องบิน การเลือกวันเดินทางในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (low season) จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
นอกจากนี้ การจองที่พักล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์หรือแอปจองโรงแรม มักมีส่วนลดพิเศษหรือโปรโมชั่นสำหรับนักเดินทางที่จองก่อน
2. ใช้บริการขนส่งสาธารณะ
ประเทศไทยมีระบบขนส่งที่ครอบคลุมและราคาประหยัด เช่น
- รถเมล์ในกรุงเทพฯ ค่าบริการเริ่มต้นเพียงไม่กี่บาท
- รถไฟไทยเป็นอีกทางเลือกที่คุ้มค่า โดยเฉพาะการเดินทางไปยังต่างจังหวัด
- รถสองแถวหรือรถตุ๊กตุ๊กในต่างจังหวัด แม้ต้องต่อรองราคาแต่ก็สะดวกและให้บรรยากาศท้องถิ่น
3. พักโฮสเทลหรือที่พักแบบโฮมสเตย์
หากคุณไม่ต้องการจ่ายค่าที่พักแพงๆ ลองเลือกพักในโฮสเทลหรือเกสต์เฮาส์ ซึ่งมีราคาถูกกว่าโรงแรมหลายเท่า และยังเป็นโอกาสดีในการพบเจอนักเดินทางจากทั่วโลก
บางหมู่บ้านในภาคเหนือและอีสานยังมีโฮมสเตย์ที่เปิดให้พัก พร้อมกิจกรรมพื้นบ้าน เช่น ทำอาหารท้องถิ่น หรือเรียนรู้การทอผ้าในราคาย่อมเยา
4. กินอาหารท้องถิ่นข้างทาง ประเทศไทย
อาหารไทยริมทางเป็นหนึ่งในจุดเด่นของประเทศ ทั้งอร่อย ถูก และหลากหลาย ลองสำรวจตลาดนัด ตลาดกลางคืน หรือร้านรถเข็น คุณจะได้ลิ้มรสอาหารต้นตำรับในราคาที่เป็นมิตร เช่น ข้าวมันไก่ ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือส้มตำ
อย่าลืมพกขวดน้ำแบบเติมซ้ำได้ เพื่อประหยัดและลดขยะพลาสติกระหว่างการเดินทาง
5. เลือกกิจกรรมฟรีหรือต้นทุนต่ำ
มีสถานที่ท่องเที่ยวในไทยจำนวนมากที่ไม่เสียค่าเข้า หรือเก็บค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย เช่น
- วัดสวยๆ อย่างวัดอรุณ วัดพระแก้ว วัดร่องขุ่น
- อุทยานธรรมชาติและน้ำตกบางแห่ง
- ตลาดนัดกลางคืนที่เดินชมบรรยากาศได้ฟรี
- พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นหรือศูนย์วัฒนธรรมประจำจังหวัด
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยหลายแห่งมักจัดนิทรรศการหรือกิจกรรมสาธารณะให้เข้าชมฟรี
6. ใช้ชีวิตแบบโลคอล
ลองใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น เช่น เดินเล่นในสวนสาธารณะตอนเช้า กินข้าวในตลาดสด เข้าร่วมประเพณีท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง โดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก
7. เลือกเมืองรองแทนเมืองฮิต
หลายคนมักนึกถึงเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือพัทยา แต่เมืองรองที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก เช่น ลำพูน น่าน แพร่ บุรีรัมย์ เลย หรือระนอง กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัว ผู้คนเป็นมิตร ราคาสินค้าถูกกว่า และไม่มีนักท่องเที่ยวแออัด
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง
8. ใช้สิทธิ์หรือโปรโมชันที่มีอยู่
หากคุณเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือถือบัตรประชาชนไทย หลายสถานที่อาจมีราคาพิเศษหรือสิทธิ์เข้าชมฟรี อย่าลืมสอบถามก่อนจ่ายเงิน
นอกจากนี้ บางเว็บไซต์จองโรงแรม ตั๋วรถ หรือกิจกรรมท่องเที่ยว มักมีโปรโมชันเฉพาะช่วง เช่น
- ส่วนลดช่วงกลางสัปดาห์
- แพ็กเกจเที่ยวแบบกลุ่ม
- รหัสส่วนลดจากอินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว
การใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็น จะช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ลดคุณภาพประสบการณ์
9. พกของจำเป็นติดตัว ลดรายจ่ายแฝง
การเตรียมตัวเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเดินทางช่วยประหยัดได้มาก เช่น
- พกขวดน้ำ เติมตามจุดฟรีในที่พักหรือสถานที่สาธารณะ
- เตรียมยาดม ยาพื้นฐาน และยาส่วนตัวไปเอง เพื่อลดความจำเป็นในการซื้อระหว่างทาง
- นำผ้าเช็ดหน้าหรือกระบอกเก็บอาหาร เพื่อใช้ซ้ำและลดการใช้ของใช้สิ้นเปลือง
การเดินทางแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมยังเป็นเทรนด์ใหม่ของคนรักการท่องเที่ยวอีกด้วย
10. แพลนกิจกรรมด้วยตัวเองแทนการซื้อแพ็กเกจ
แม้แพ็กเกจทัวร์จะสะดวก แต่หากคุณวางแผนเที่ยวเอง เช่น เลือกเส้นทาง นั่งรถประจำทาง และจองกิจกรรมผ่านแอปหรือเว็บไซต์โดยตรง จะประหยัดกว่ามาก
ในหลายเมือง มีแหล่งข้อมูลฟรีจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ บนบล็อกหรือยูทูบ ที่รีวิววิธีเดินทางแบบประหยัดและแนะนำร้านลับนอกเส้นทางยอดนิยม
11. เข้าร่วมกิจกรรมท้องถิ่นและงานประเพณี
แต่ละภูมิภาคของประเทศไทยมีงานประเพณีและเทศกาลท้องถิ่นที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เช่น
- งานสงกรานต์ ในเดือนเมษายน ซึ่งมีแทบทุกจังหวัด
- งานลอยกระทง ช่วงเดือนพฤศจิกายน
- ประเพณีผีตาโขน ที่จังหวัดเลย
- งานบุญบั้งไฟ ในภาคอีสาน
กิจกรรมเหล่านี้มักไม่เสียค่าใช้จ่าย และคุณจะได้มีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมแบบแท้จริง ได้ถ่ายรูปกับบรรยากาศพื้นเมือง และสนุกไปกับผู้คนในชุมชน
12. เดินสำรวจเมืองด้วยตัวเอง
การเดินเท้าคือวิธีเที่ยวที่ถูกที่สุดและช่วยให้คุณสัมผัสเมืองได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตรอกซอกซอย คาเฟ่เล็กๆ ตลาดพื้นบ้าน หรือศิลปะบนกำแพง (street art)
เมืองที่เหมาะกับการเดินเที่ยว เช่น
- กรุงเทพฯ (ย่านพระนคร หรือบางลำพู)
- เชียงใหม่ (คูเมือง และวัดเก่า)
- ภูเก็ต (เมืองเก่า และถนนถลาง)
- สงขลา (เมืองเก่า)
การเดินช้าๆ ยังช่วยให้คุณพบประสบการณ์แบบไม่ตั้งใจ เช่น ได้คุยกับคนท้องถิ่น หรือเจอร้านอาหารที่ไม่มีในรีวิว
13. ตั้งงบรายวันและใช้เงินสด
การตั้งงบประมาณสำหรับแต่ละวัน เช่น วันละ 500–700 บาท จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และลดการใช้จ่ายเกินจำเป็น
ลองใช้เงินสดแทนการจ่ายผ่านแอปตลอดเวลา เพราะจะทำให้คุณเห็นภาพรวมของเงินที่ใช้จริงในแต่ละวัน และสามารถปรับแผนได้หากต้องการอยู่ต่ออีกวันสองวัน
14. ใช้ชีวิตแบบ Slow Travel
“Slow Travel” คือการท่องเที่ยวที่ไม่เร่งรีบ ไม่เน้นเก็บเช็กอินหลายที่ในเวลาอันสั้น แต่ใช้เวลากับพื้นที่หนึ่งให้นานขึ้น เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง
วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าเดินทาง แต่ยังช่วยให้คุณรู้จักประเทศนั้นๆ อย่างแท้จริง ได้ความทรงจำที่มีคุณค่า และลดความเหนื่อยจากการเดินทางแบบเร่งรีบ
15. ท่องเที่ยวแบบอาสาสมัคร (Volunteer Travel)
หนึ่งในวิธีที่ทั้งประหยัดและได้ประสบการณ์ล้ำค่า คือการเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครกับองค์กรหรือชุมชน เช่น
- สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนท้องถิ่น
- ช่วยงานฟาร์มอินทรีย์
- ร่วมโครงการอนุรักษ์ป่า หรือทะเล
คุณอาจจะได้รับที่พัก อาหาร หรือประสบการณ์ในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และยังได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งกว่าการเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป
16. ใช้แอปฟรีที่ช่วยประหยัด
มีแอปพลิเคชันหลายตัวที่สามารถช่วยคุณประหยัดเงินและวางแผนการเดินทาง เช่น:
- Rome2Rio / Moovit – สำหรับวางแผนเส้นทางโดยขนส่งสาธารณะ
- Google Maps (โหมดดาวน์โหลด) – ใช้นำทางแม้ไม่มีสัญญาณ
- Grab / InDrive – เปรียบเทียบราคารถรับจ้างในเมืองใหญ่
- Traveloka / Agoda – ค้นหาที่พักราคาถูกพร้อมคูปอง
- HappyCow – หาอาหารเจหรืออาหารมังสวิรัติราคาย่อมเยา
การมีเครื่องมือเหล่านี้ติดมือถือ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้รวดเร็วและคุ้มค่า
17. เช่ารถมอเตอร์ไซค์ (ในกรณีที่ปลอดภัย)
ในเมืองเล็กๆ หรือเกาะต่างๆ เช่น เกาะสมุย เกาะเต่า ปาย หรืออุบลราชธานี การเช่ามอเตอร์ไซค์รายวันมักคุ้มค่ากว่าการนั่งรถหลายต่อ และช่วยให้คุณไปได้หลายที่ในเวลาอิสระ
อย่าลืมตรวจสอบความปลอดภัยของรถ ใส่หมวกกันน็อก และมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง หากคุณไม่มั่นใจในการขับขี่ อย่าฝืน ควรเลือกเดินทางแบบอื่น
18. เที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Eco Travel)
นักเดินทางรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจการเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น
- พักในที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ไม่ทิ้งขยะในธรรมชาติ
- ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า หรือเข้าไปยุ่งกับระบบนิเวศ
- สนับสนุนชุมชนโดยตรง เช่น ซื้อสินค้าท้องถิ่น
การท่องเที่ยวแบบนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดรายจ่ายบางส่วน แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อพื้นที่ที่คุณไปเยือน
19. ใช้เทคนิค “เดินทางกลางคืน”
หากต้องเดินทางไกลระหว่างจังหวัด เช่น กรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ หรือหาดใหญ่ไปกรุงเทพฯ การเลือกนั่งรถไฟหรือรถทัวร์กลางคืน จะช่วยประหยัดค่าที่พัก 1 คืน และยังไปถึงจุดหมายในตอนเช้าพร้อมลุยต่อได้เลย
นี่เป็นวิธีที่นิยมในหมู่นักเดินทางแบ็คแพ็ค ที่ต้องการเดินทางไกลโดยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด
สรุปส่งท้าย
ประเทศไทยคือประเทศที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกงบประมาณ ด้วยความหลากหลายของสถานที่ ประสบการณ์ และวัฒนธรรม ไม่ว่าคุณจะมีงบเท่าไร ก็สามารถเที่ยวไทยให้สนุกและน่าจดจำได้
เคล็ดลับคือการวางแผน ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกการเดินทางไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่อาจกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของชีวิตคุณได้
