Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    thailand-export-quality
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    thailand-export-quality
    ความบันเทิง

    แสงเหนือ: ตามล่าหา แสงเหนือ ในยูคอนและตะวันตกเฉียงเหนือ

    Edward BakerBy Edward BakerSeptember 9, 2025No Comments2 Mins Read

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปกคลุมด้วยม่านแสงสีเขียว ม่วง แดง และฟ้าที่พลิ้วไหวราวกับการเต้นรำ นั่นคือเสน่ห์ของ ออโรร่าโบเรอาลิส หรือ แสงเหนือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางข้ามทวีปเพื่อมาสัมผัสด้วยตาตนเอง ในประเทศแคนาดา แสงเหนือสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและน่าตื่นตาที่สุดในสองภูมิภาคหลัก คือ ยูคอน (Yukon) และ เขตตะวันตกเฉียงเหนือ (Northwest Territories) ซึ่งต่างเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร


    ออโรร่าโบเรอาลิสคืออะไร?

    แสงเหนือเกิดจากการปะทะกันของอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ถูกปลดปล่อยจากดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กของโลก เมื่ออนุภาคเหล่านี้เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ จะเกิดการเรืองแสงเป็นม่านไฟฟ้าสีสันหลากหลายบนท้องฟ้า ยิ่งอยู่ใกล้เส้นออโรร่า (Auroral Oval) โอกาสเห็นแสงเหนือก็ยิ่งสูง

    ในยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเส้นออโรร่านี้พอดี ทำให้ทั้งสองภูมิภาคเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักล่าแสงเหนือ


    ยูคอน: เสน่ห์ของดินแดนทองคำและฟ้าเหนือ

    ยูคอนตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดา มีเมืองหลวงคือไวต์ฮอร์ส (Whitehorse) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยของนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อไล่ตามออโรร่า

    • Whitehorse
      เมืองเล็กที่รายล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำยูคอน เป็นสถานที่ที่สามารถชมแสงเหนือได้เพียงออกห่างจากแสงไฟเมืองไม่กี่กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมทัวร์ชมแสงเหนือที่จัดอย่างมืออาชีพ โดยมักรวมกิจกรรมก่อกองไฟ อบมาร์ชแมลโลว์ และเล่าเรื่องราวพื้นบ้าน
    • Kluane National Park and Reserve
      สถานที่ท่องเที่ยวระดับมรดกโลกยูเนสโกที่มีทั้งภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง และธรรมชาติอันกว้างใหญ่ ที่นี่ไม่เพียงมอบประสบการณ์เดินป่าและสำรวจภูมิประเทศอันยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นจุดชมแสงเหนือที่น่าทึ่งในคืนฟ้าใส
    • วัฒนธรรม First Nations
      การเดินทางในยูคอนไม่ได้มีเพียงแค่การชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ยังเปิดโอกาสให้สัมผัสวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง First Nations ผ่านงานหัตถกรรม ดนตรี และการเล่าเรื่องที่สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

    เขตตะวันตกเฉียงเหนือ: ดินแดนแห่งออโรร่า 240 คืนต่อปี

    หากยูคอนคือดินแดนแห่งความหลากหลาย เขตตะวันตกเฉียงเหนือก็คือหัวใจสำคัญของการชมออโรร่า เมืองเยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) เมืองหลวงของภูมิภาคนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งแสงเหนือของโลก” เพราะท้องฟ้าใสและมีโอกาสเห็นออโรร่าสูงมากกว่า 240 คืนต่อปี

    • Yellowknife
      เมืองริมทะเลสาบ Great Slave Lake ที่เป็นจุดหมายหลักของนักล่าแสงเหนือ มีทัวร์และรีสอร์ทเฉพาะทางที่ออกแบบเพื่อการชมแสงเหนือโดยตรง เช่น Aurora Village ซึ่งมีเต็นท์สไตล์ชนพื้นเมืองและพื้นที่อุ่นสบายสำหรับการนั่งรอคอยปรากฏการณ์บนท้องฟ้า
    • กิจกรรมเสริม
      นอกจากการชมออโรร่าแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถลองตกปลาในน้ำแข็ง ขับสโนว์โมบิล หรือลากเลื่อนสุนัข ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เข้ากับบรรยากาศฤดูหนาวของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง
    • วัฒนธรรมดั้งเดิม
      เขตตะวันตกเฉียงเหนือเป็นบ้านของชนพื้นเมืองหลากหลายกลุ่ม เช่น Dene และ Inuit การได้เข้าร่วมงานเทศกาลหรือฟังเรื่องเล่าของพวกเขาเกี่ยวกับความหมายของออโรร่าในตำนานพื้นบ้าน ถือเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าการชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชม

    แม้ว่าออโรร่าสามารถปรากฏได้ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชมคือ ปลายเดือนสิงหาคมถึงเมษายน โดยมีรายละเอียดดังนี้

    • ฤดูใบไม้ร่วง (สิงหาคม – ตุลาคม): ฟ้าเริ่มมืดเร็วขึ้น อากาศยังไม่หนาวจัด สามารถชมแสงเหนือพร้อมใบไม้เปลี่ยนสี
    • ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มีนาคม): ท้องฟ้ามืดสนิทยาวนานที่สุด โอกาสเห็นออโรร่าสูง แต่ต้องเตรียมรับมือกับอุณหภูมิที่อาจต่ำกว่า -30°C
    • ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน): ท้องฟ้ายังมืดพอสำหรับการชมแสงเหนือ และอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

    เคล็ดลับการชมออโรร่า

    1. อยู่ห่างจากแสงเมือง เพื่อให้ตาเห็นแสงเหนือได้ชัดที่สุด
    2. แต่งกายหลายชั้น โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ป้องกันความหนาวจัด
    3. เตรียมอุปกรณ์ถ่ายภาพ กล้อง DSLR หรือ Mirrorless พร้อมขาตั้งกล้อง เลนส์มุมกว้าง และการตั้งค่ารับแสงนาน จะช่วยเก็บภาพแสงเหนือได้อย่างสวยงาม
    4. อดทนรอคอย บางครั้งออโรร่าอาจปรากฏเพียงไม่กี่นาที แต่ก็อาจคงอยู่และเต้นรำบนท้องฟ้านานเป็นชั่วโมง
    5. เลือกเข้าร่วมทัวร์ท้องถิ่น เพราะไกด์มีประสบการณ์ในการเลือกสถานที่และเวลาเหมาะสมที่สุด

    มิติทางจิตวิญญาณและความหมาย

    สำหรับชนพื้นเมืองหลายกลุ่มในยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ออโรร่าไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่เป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ บางตำนานเชื่อว่าแสงเหนือคือวิญญาณของบรรพบุรุษที่กลับมาทักทายลูกหลาน บางความเชื่อมองว่าเป็นการเต้นรำของเทพเจ้าเหนือฟากฟ้า เรื่องเล่าเหล่านี้ช่วยเพิ่มความลึกซึ้งให้กับประสบการณ์ชมแสงเหนือ เพราะมันเชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับจักรวาลและโลกธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

    ตัวอย่างแผนการเดินทางเพื่อไล่ตามแสงเหนือในยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือ

    เพื่อให้นักเดินทางสามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและมีโอกาสสูงในการชมออโรร่า ต่อไปนี้คือตัวอย่างแผนการเดินทาง 5 วัน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนตามความสนใจและงบประมาณ


    วันที่ 1: เดินทางถึง Whitehorse, Yukon

    • เดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่ Whitehorse เมืองหลวงของยูคอน
    • เช็คอินโรงแรมและพักผ่อนจากการเดินทาง
    • ตอนกลางคืน เข้าร่วม Aurora Viewing Tour ที่บริษัทท้องถิ่นจัดไว้ โดยจะพาออกไปยังพื้นที่มืดห่างจากเมือง เพื่อชมออโรร่าเป็นครั้งแรก

    วันที่ 2: สำรวจเมือง Whitehorse และกิจกรรมกลางแจ้ง

    • เช้าชมพิพิธภัณฑ์ Yukon Beringia Interpretive Centre เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของภูมิภาค
    • ช่วงบ่าย ลองกิจกรรมสุนัขลากเลื่อนหรือขี่สโนว์โมบิลในฤดูหนาว
    • กลางคืน ลองชมแสงเหนืออีกครั้งในสถานที่ใหม่ เช่น บริเวณริมทะเลสาบใกล้เมือง

    วันที่ 3: เดินทางสู่ Yellowknife, Northwest Territories

    • เช้าบินจาก Whitehorse ไปยัง Yellowknife หรือเลือกเดินทางต่อด้วยเครื่องบินตรงจากเมืองใหญ่ในแคนาดา
    • หลังจากเช็คอิน เข้าร่วม Aurora Hunting Tour ซึ่งไกด์จะพาเคลื่อนที่ไปยังหลายจุดเพื่อหามุมที่ดีที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือ
    • บางบริษัทจัดบริการกระท่อมอุ่น ๆ หรือเต็นท์แบบชนพื้นเมือง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนในระหว่างรอ

    วันที่ 4: สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นใน Yellowknife

    • เข้าร่วมกิจกรรม ตกปลาในน้ำแข็ง (Ice Fishing) หรือ เดินป่าฤดูหนาว
    • ช่วงบ่าย เยี่ยมชม Prince of Wales Northern Heritage Centre เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง Dene และ Inuit
    • กลางคืน เดินทางไปยัง Aurora Village จุดชมแสงเหนือยอดนิยม พร้อมบริการที่ครบครัน

    วันที่ 5: ปิดท้ายการเดินทาง

    • ใช้เวลาช่วงเช้าในการเดินชมเมือง Yellowknife ซื้อของที่ระลึก เช่น งานหัตถกรรมท้องถิ่น
    • เตรียมตัวเดินทางกลับ โดยเก็บภาพความประทับใจของออโรร่าโบเรอาลิสไว้ในความทรงจำ

    สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนการเดินทาง

    1. เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาว: อุณหภูมิในฤดูหนาวอาจต่ำกว่าลบ 30°C ควรมีเสื้อผ้าหลายชั้น ถุงมือ รองเท้า และหมวกที่ป้องกันความเย็นได้ดี
    2. กล้องถ่ายภาพ: กล้อง DSLR หรือ Mirrorless ที่ตั้งค่ารับแสงได้นาน พร้อมขาตั้งกล้องและรีโมทชัตเตอร์
    3. แผนการเดินทางยืดหยุ่น: ออโรร่าไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน การอยู่หลายคืนจะเพิ่มโอกาสการได้เห็น
    4. การประกันการเดินทาง: สภาพอากาศอาจทำให้เที่ยวบินล่าช้าหรือยกเลิก ควรมีการประกันเพื่อความมั่นใจ

    มุมมองเชิงลึก: ทำไมยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือจึงเป็นจุดหมายออโรร่าที่ดีที่สุด

    หลายประเทศในแถบอาร์กติกสามารถชมออโรร่าได้ เช่น นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ หรือกรีนแลนด์ แต่แคนาดามีข้อได้เปรียบเฉพาะที่ทำให้ยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือโดดเด่น

    1. ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม
      ทั้งสองภูมิภาคตั้งอยู่บนแนว Auroral Oval โดยตรง ทำให้โอกาสการเห็นออโรร่าสูงกว่าหลายพื้นที่ในโลก
    2. ท้องฟ้าที่ใสและไร้มลภาวะทางแสง
      เมืองหลักอย่าง Whitehorse และ Yellowknife มีขนาดเล็ก ไม่สร้างมลภาวะทางแสงมากนัก เพียงขับรถออกไปไม่กี่กิโลเมตรก็สามารถเจอฟ้าใสที่เหมาะแก่การสังเกตการณ์
    3. การเข้าถึงสะดวกเมื่อเทียบกับพื้นที่อาร์กติกอื่น ๆ
      มีสนามบินเชื่อมต่อจากเมืองใหญ่ เช่น แวนคูเวอร์ คาลการี และเอดมันตัน ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้โดยไม่ซับซ้อน
    4. โครงสร้างรองรับนักท่องเที่ยวครบถ้วน
      รีสอร์ทและทัวร์ออโรร่าที่ออกแบบมาเฉพาะ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องพักอุ่น ๆ อาหารพื้นเมือง และคำแนะนำการถ่ายภาพ
    5. กิจกรรมเสริมหลากหลาย
      นอกจากชมแสงเหนือแล้ว ยังสามารถทำกิจกรรมฤดูหนาว เช่น สโนว์โมบิล สุนัขลากเลื่อน หรือสำรวจวัฒนธรรม First Nations และ Inuit

    การเก็บภาพความทรงจำ: เทคนิคการถ่ายออโรร่า

    สำหรับผู้ที่ต้องการบันทึกภาพแสงเหนือให้งดงามราวกับที่ตาเห็น ควรเตรียมตัวดังนี้

    • อุปกรณ์: กล้อง DSLR หรือ Mirrorless, เลนส์มุมกว้าง (f/2.8 หรือต่ำกว่า), ขาตั้งกล้องแข็งแรง, รีโมทชัตเตอร์
    • การตั้งค่าแนะนำ:
      • ISO: 800–3200 ขึ้นอยู่กับความสว่างของออโรร่า
      • ความเร็วชัตเตอร์: 5–20 วินาที
      • รูรับแสง: กว้างที่สุดเท่าที่เลนส์จะทำได้
      • โฟกัส: ปรับไปที่ “infinity” แล้วลองถ่ายทดสอบ
    • การแต่งกาย: จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการถ่ายภาพต้องยืนนานกลางแจ้งในอุณหภูมิติดลบ

    ประสบการณ์ส่วนตัวและเรื่องเล่า

    ผู้ที่เคยไปไล่ตามออโรร่าในยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือมักเล่าว่า ไม่ใช่ทุกคืนที่ฟ้าจะมอบปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่เสมอไป บางคืนแสงเหนืออาจเพียงริบหรี่เป็นเส้นสีเขียวบาง ๆ แต่ก็มีคืนที่ฟ้าระเบิดด้วยแสงสีเขียว ม่วง และแดง เต้นรำไปทั่วขอบฟ้า ความไม่แน่นอนนี่เองที่ทำให้การล่าออโรร่ามีเสน่ห์ เพราะทุกครั้งคือการลุ้นและการรอคอย

    ในวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง Dene มีความเชื่อว่าออโรร่าคือวิญญาณของผู้ล่วงลับที่กลับมาเต้นรำบนท้องฟ้าเพื่อส่งสารถึงลูกหลาน ขณะที่บางตำนาน Inuit เล่าว่าแสงเหนือคือการเล่นเกมลูกบอลของวิญญาณในโลกเบื้องบน เรื่องเล่าเหล่านี้ช่วยทำให้ผู้มาเยือนได้มองออโรร่าในมุมที่ลึกซึ้งเกินกว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติ


    บทสรุป: แสงเหนือในความทรงจำ

    ยูคอนและเขตตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดามอบประสบการณ์ที่ครบถ้วนสำหรับนักล่าแสงเหนือ ตั้งแต่โอกาสเห็นสูงถึง 240 คืนต่อปีใน Yellowknife ไปจนถึงบรรยากาศโรแมนติกของ Whitehorse ที่โอบล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำ

    การเดินทางไล่ตามออโรร่าไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายภาพสวย ๆ กลับบ้าน แต่คือการได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและการตระหนักถึงความเล็กน้อยของมนุษย์เมื่อยืนอยู่ใต้ม่านแสงที่เต้นรำบนท้องฟ้า สำหรับหลายคน มันคือความฝันที่เป็นจริง และสำหรับบางคน มันคือแรงบันดาลใจที่อยากกลับมาอีกครั้ง

    ผลกระทบของการ อาเจียน บ่อยต่อสุขภาพและวิธีจัดการ ผลกระทบของขยะ อุตสาหกรรม ต่อสุขภาพของประชาชน พฤติกรรมแย่ ๆ ที่ทำให้เกิด ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร แสงเหนือ: ตามล่าหา แสงเหนือ ในยูคอนและตะวันตกเฉียงเหนือ
    Edward Baker

    Related Posts

    5 อาหารแข็งเพื่อสุขภาพ หัวใจ ที่ดียิ่งขึ้น

    September 8, 2025

    ความสัมพันธ์ระหว่างการอดอาหารกับระดับ น้ำตาลในเลือด

    September 2, 2025

    อันตรายของ ความหิว โหยอย่างรุนแรงและผลกระทบต่อระบบเผาผลาญ

    September 1, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.